วันที่ 14 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนุ้ย พรมราช อายุ 57 ปี พร้อมด้วยสามี นายทองคำ จิตค้า อายุ 59 ปี ชาว จ.นครพนม นำเอกสารหลักฐานหมายศาลภาษีอากรกลางเข้าร้องทุกข์กับประธานสภา อบต.พระกลางทุ่ง จ.นครพนม หลังมีหมายศาลเรียกเก็บภาษีกว่า 11 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา มีหมายศาลระบุกรมสรรพากรเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท รุ่งรุจี ซัพพลาย จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 2 คน โดยมี นางนุ้ย พรมราช เป็นจำเลยที่ 2 โดยในเนื้อหาจากเอกสารสำนวนฟ้องพบว่า เป็นความผิดเกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม และละเมิด เนื่องจากนางนุ้ย จำเลยที่ 2 ได้เปิดกิจการในชื่อบริษัท รุ่งรุจี ซัพพลาย จำกัด และมีชื่อเป็นผู้ชำระบัญชี มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ ต.เขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก
แต่ในการเปิดกิจการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2556 เพื่อประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องเขียน แบบพิมพ์ สื่อสิ่งพิมพ์ โดย นางนุ้ย พรมราช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแทน จนกระทั่งมีการตรวจสอบพบว่า ทางบริษัทได้เคยยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด 1 ม.ค. 2557-31 ก.ค. 2557 มีการแสดงรายได้จากการประกอบกิจการมากกว่า 36 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้เกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามกฎหมาย หรือมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ต่อปี จะต้องมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมยื่นแบบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย แต่ไม่มีการดำเนินการ
และยังตรวจสอบพบว่า ทางบริษัทมีการยื่นแจ้งเปลี่ยนที่อยู่สำนักงานอันเป็นเท็จ เพื่อเลี่ยงการชำระภาษี และมีการแจ้งขอยกเลิกจดทะเบียนบริษัทเมื่อ 22 ก.ย. 2557 ซึ่งได้ทำคำขอจดทะเบียนโดยมีกรรมการผู้มีอำนาจเพียงคนเดียวคือ นางนุ้ย พรมราช ตามกฎหมาย ทำให้มีการยื่นฟ้องร้องเรียกเก็บภาษี รวมถึงเบี้ยปรับ รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้าน 8 แสนบาท ซึ่งในเอกสารได้ระบุวันนัดสืบพยานไกล่เกลี่ย วันที่ 23 เม.ย. 2561
ภายหลังได้รับเอกสาร นางนุ้ย พร้อมด้วยสามี นายทองคำ จึงได้นำเอกสารไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจาก นายทองม้วน กุลจู ประธานสภา อบต.พระกลางทุ่ง เพื่อหาทางช่วยเหลือ เนื่องจากเป็นคนฐานะยากจน ไม่มีรายได้ และไม่เคยมีกิจการ ตามเอกสารมาก่อน
นางนุ้ย เล่าว่า ปัญหาสรรพากรเรียกเก็บภาษีเชื่อว่ามีส่วนมาจากกรณีที่มีคนรู้จักในหมู่บ้าน เป็นเครือญาติได้มาติดต่อขอเอกสารบัตรประชาชนไปทำประกัน ตนจึงนำสำเนาไปให้แต่ไม่ได้เซ็นเอกสาร หรือเซ็นอะไรสักอย่าง เพราะตนอ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ และไม่มีความรู้ ทำอาชีพหาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไปวันละ 100-200 บาท แถมต้องมีภาระเลี้ยงดูสามีที่ป่วยเป็นหอบหืด โรคเก๊า ทำงานไม่ได้ และไม่มีลูก
ช่วงปี 2559-2560 เคยมีเอกสารมา 2 ครั้ง เป็นของกรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีประมาณ 9 ล้านบาท จึงได้ไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.นครพนม เพื่อขอความช่วยเหลือและให้ตรวจสอบ แต่เรื่องก็เงียบหายไป ตนไม่ได้สนใจคิดว่าไม่มีอะไร เพราะไม่ได้ไปทำผิดอะไร จนล่าสุดมีหมายศาลถูกฟ้องร้องให้ชำระภาษีเงินสูงกว่า 11 ล้านบาท แต่คิดย้อนกลับไปเชื่อว่ามาจากเอกสารที่ตนเคยถ่ายสำเนาบัตรประชาชนให้ญาติ อ้างนำไปทำประกัน แต่คงนำไปใช้ทำธุรกิจ ทำให้เกิดปัญหาตามมา ตนเดือดร้อนมากอยากให้หน่วยงานรัฐช่วยเหลือ เพราะลำพังแต่ละวันยังไม่มีกิน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Workpoint News