ข่าวดีๆมีสาระ

รู้ว่ามีประโยชน์แต่ไม่ชอบกิน! เลยเอากระเทียมมาผสมสูตรนี้ แย่งกันกินหัวแทบแตก บอกลาโรคภัยได้เลย!




หลายคนคงทราบกันดีว่ากระเทียมมีประโยชน์มาก แต่ด้วยความฉุนและกลิ่นแรกทำให้กลิ่นปากไม่พึงประสงค์และรสชาติที่เผ็ดร้อน ทำให้ใครหลายคนไม่นิยมทานกระเทียมกันสักเท่าไหร่ อย่างมากก็แค่ใส่เป็นส่วนประกอบในอาหารเล็กน้อยเท่านั้น แต่วันนี้ทีมงานสยามนิวส์ มีสูตรเด็ดที่จะทำให้คุณๆทั้งหลายหันมาทานกระเทียมกันมากขึ้น ก่อนอื่นเราไปรู้จักประโยชน์ของกระเทียมกันเสียก่อน

คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียม

1. ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ในกระเทียมมีกำมะถันที่ช่วยต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียได้อย่างน่ามหัศจรรย์ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัสต่างๆ เป็นสารต่อต้านแบคทีเรียที่พบได้ในพืชธรรมชาติที่รุนแรงที่สุด

2. ป้องกันเนื้องอกและมะเร็ง

เจอร์เมเนียม ซีลีเนียมและองค์ประกอบอื่น ๆในกระเทียม สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกและเซลล์มะเร็งได้ งานวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอัตราการเกิดโรคมะเร็งต่ำสุดคือคนที่มีซีลีเนียมในเลือดสูงที่สุด สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกาเชื่อว่า กระเทียมคือพืชที่มีศักยภาพในการต่อต้านโรคมะเร็งมากที่สุดในโลก

3. ดีท็อกลำไส้

กระเทียมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย “เอช.ไพโลไร” (Helicobacter pylori)ในลำไส้ และแบคทีเรียชนิดอื่นๆ ขับสารพิษในทางเดินอาหาร กระตุ้นเยื่อเมือกในระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้อยากอาหาร และเร่งการย่อยอาหาร



4. ลดระดับน้ำตาลในเลือด

กระเทียมช่วยกระตุ้นการหลั่งของอินซูลิน เพิ่มการดูดกลูโคสในเซลล์เนื้อเยื่อ เพิ่มความทนทานต่อกลูโคสของมนุษย์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว และสามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆที่เกิดจากโรคเบาหวานที่ติดเชื้อได้ จึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน

5. ป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดในสมอง

กระเทียมป้องกันไขมันสะสมในหลอดเลือดหัวใจและสมอง กระตุ้นการเผาผลาญไขมันในเนื้อเยื่อ ช่วยเพิ่มการสลายลิ่มเลือด ลด คอเลสเตอรอล ยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ดังนั้นจึงช่วยยับยั้งการเกิดลิ่มเลือดอุดตันและป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัว กินกระเทียม 2-3 กลีบทุกวัน เป็นวิธีป้องกันได้ดีที่สุด กระเทียมช่วยในการรักษาปริมาณที่เหมาะสมของเอนไซม์ในร่างกายโดยไม่ต้องเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง

6. ช่วยไม่ให้ตับทำงานหนัก

ธาตุซีลีเนียมในกระเทียม เมื่อเข้าไปอยู่ในเลือดและเกิดการเผาผลาญโดยใช้ออกซิเจน จะช่วยขับสารพิษ ลดภาระในการล้างพิษของตับ เป็นการช่วยป้องกันตับ

7. พลังงานที่แข็งแรง

กระเทียมมีสารที่ไตต้องการ ปรับปรุงอาการอ่อนเพลียที่เกิดจากการอ่อนล้าของไต สามารถช่วยในการสร้างและสะสมอสุจิที่มากขึ้น

8. ป้องกันหวัด



ในกระเทียมมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “Propylene sulfide” มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคและปรสิตต่างๆ สามารถป้องกันหวัด ลดไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกตัด และอาหารของหวัดอื่นๆ



วัตถุดิบ

- กระเทียม

- พริกชี้ฟ้า

- น้ำตาลกรวด

- ซอสถั่วเหลือง (ซีอิ๊วขาว)

- โหลแก้ว

วิธีการทำง่ายๆ : เอากระเทียม พริกชี้ฟ้า น้ำตาลกรวดใส่ลงในโหลแก้ว จากนั้นเทซอสถั่วเหลืองลงไปให้ท่วมพริกและกระเทียมก็เสร็จแล้ว ห้ามใส่น้ำเด็ดขาด! ทิ้งไว้โดยวางไว้ในที่อากาศถ่ายเท 30 วัน



พูดง่ายๆก็คือ : กระเทียม พริก บวกกับน้ำตาลกรวดและซอสถั่วเหลือง หมักในโหลแก้ว 30 วัน!



1. กระเทียมเอาเปลือกออกแล้วล้างให้สะอาด ตากไว้ให้แห้ง ห้ามมีน้ำเด็ดขาด พริกชี้ฟ้าใช้มีดหั่นก้านออก ล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง เหมือนกระเทียม

2. ผึ่งไว้ที่ระเบียงสักครึ่งวันจนทั้งกระเทียมและพริกแห้งสนิท เก็บมาใส่โหล โดยโหลก็ล้างจนสะอาดและแห้งสนิท

3. เอากระเทียมและพริกใส่ลงในโหลแก้ว แล้วใส่น้ำตาลกรวดลงไปสัก 8-10 เม็ด

ถ้าโหลเดียวใส่ไม่พอก็เตรียมโหลที่สอง จากนั้นเอาซอสถั่วเหลือง (หรือซีอิ๊ว) เทลงไป จนท่วมทั้งพริกและกระเทียม อย่าใส่จนเต็มเกินไป เพราะมันจะขยายตัว หลังขยายตัวเสร็จมันจะหดตัว อาจจะล้นออกมาได้

4. จากนั้นเอาโหลที่ใส่ทุกอย่างแล้วไปวางไว้ในที่อากาศถ่ายเทสะดวกเป็นเวลา 30 วันก็กินได้แล้ว ผ่านไป 30 วันก็จะออกมาหน้าตาประมาณนี้

เคล็ดลับ : ในหนึ่งโหลต้องมีทั้งกระเทียมและพริก โดยใช้สัดส่วน กระเทียม 1/3 และพริก 2/3 ถ้ากระเทียมเยอะเกิดไปจะทำให้ไส้ในพริกหายไปหมด อย่าลืมใส่น้ำตาลกรวด 8-10 เม็ดด้วย
https://www.siamnews.com/view-14349.html