นายนิวัฒน์ ธำภัศนีย์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านผาหมี หมู่ 6 พาเข้าเดินสำรวจในโพรง ที่คาดว่าสามารถเชื่อมต่อกับใต้ถ้ำหลวงได้ โดยโพรงนี้ พิเศษตรงที่ระบายอากาศได้ มีลมออกมาตลอดเวลา โดยอยู่ในพื้นที่ด้านหลังของไร่ส้มและไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน โพรงดังกล่าวถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้า ดิน และหินจำนวนมาก โดยชาวบ้านจะต้องใช้มีดตัดต้นหญ้าที่ปกคลุม และนำหินที่ปิดโพรงออก ปรากฏเป็นโพรงใหญ่และลึกลงไปใต้ดิน ชาวบ้านบอกว่าน่าจะเชื่อมไปยังถ้ำหลวงได้และโพรงนี้เวลาน้ำไหลเข้ามา ไม่เคยล้น เลยคิดว่าข้างในต้องลึกมากๆ แต่ชาวบ้านไม่กล้าบอกเจ้าหน้าที่
โดยให้เหตุผลว่าพื้นที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่สีแดง กลัวบอกไปแล้ว จะมีตำรวจ ทหารเข้ามา สำรวจ และจะซวยไปด้วย จึงไม่มีใครกล้าบอก
นอกจากนี้ พบโพรงจุดที่ 2 ห่างจากโพรงแรกประมาณ 800 เมตร ซึ่งเป็นโพรงที่ชาวบ้านระบุว่า หากฝนตกลงมา น้ำจะไหลเข้าไปในโพรงทันที โดยโพรงอยู่ใต้พื้นดินลงไป มีทางเข้าขนาดใหญ่ และทางลาดลงไปค่อนข้างลึก ด้านหน้าถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์และพืชไม้เลื้อย ซึ่งหากไม่สังเกต จะไม่เห็นว่ามีโพรงใต้ดินนี้อยู่
จากนั้น ชาวบ้านพยายามลงไปสำรวจในโพรงใต้ดิน พบว่าพื้นที่ค่อนข้างแคบ เมื่อเทียบกับลำตัวคน หากคนตัวเล็กก็สามารถลงไปได้ โดยขนาดโพรงมีความกว้างประมาณ 50 ซม. ชาวบ้านลงสำรวจได้เพียงเล็กน้อยก็กลับขึ้นมา เพราะด้านในค่อนข้างมืด และอากาศทำให้รู้สึกอีดอัด
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อว่า เจ้าของสวนที่เป็นญาติกับตน บอกว่าจุดนี้ค่อนข้างน่าสงสัย เพราะเวลามีน้ำป่าไหลเกิดขึ้น ก็จะไหลลงไปในโพรงนี้ ชาวบ้านก็สงสัยว่าทำไมน้ำไหลไม่เคยเต็มโพรง แต่เนื่องจากไม่เคยมีใครเข้าไปสำรวจ
จึงไม่แน่ชัดว่าโพรงนี้จะมีทางน้ำหรือทางเดินต่อไปได้หรือไม่ แต่คาดว่าน่าจะเป็นโพรงที่เชื่อมไปยังบริเวณถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนได้ ซึ่งจุดนี้อาจเป็นจุดที่อยู่สูงกว่าบริเวณปากถ้ำหลวง เมื่อฝนตกลงมา น้ำฝนอาจไหลลงสู่บริเวณถ้ำ ทำให้ไปขังด้านใน ประกอบกับอาจเป็นช่องทางลมทำให้มีอากาศถ่ายเทเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเด็ก ๆ ยังมีชีวิต และยังสู้อยู่ ซึ่งตนอยากแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบโพรงดังกล่าว เพื่อให้ความช่วยเหลือในการค้นหาทีมนักเตะหมูป่าต่อไป
https://www.siamnews.com/view-19714.html